ที่ชาร์จที่คุณมีอยู่ ดูอย่างไรว่า สามารถไปใช้เมืองนอกได้หรือไม่?

สำหรับสัปดาห์นี้เป็นการตอบคำถามผู้อ่านที่ได้ส่ง email เข้ามานะครับ ถามว่า กำลังจะเดินทางไปต่างประเทศ มีอุปกรณ์ที่จะต้องชาร์จอยู่หลายชิ้น จำเป็นต้องซื้อหม้อแปลงไปด้วยหรือไม่? ครับ ช่วงนี้ก็เป็นฤดูท่องเที่ยว หลายๆท่านก็วางแผนจะไปต่างประเทศกันแต่ก็จำเป็นต้องนำอุปกรณ์พกพาไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ กล้องดิจิตอล กล้องวิดิโอ เครื่องเล่น mp3 หรือแม้แต่กระทั่ง คอมพิวเตอร์โน้ตบุค อุปกรณ์ต่างๆเหล่านี้ ท่านอาจจะซื้อในเมืองไทย จึงใช้กับไฟบ้านเราได้แน่ๆ แต่หากท่านจะไปต่างประเทศ แต่ท่านไม่แน่ใจว่า จะใช้ได้หรือไม่ ให้ตรวจสอบดังนี้ครับ 1) ดูว่าประเทศที่ท่านกำลังจะไป ใช้ไฟ กี่โวลต์ และ ใช้ปลั๊กแบบไหน โดยไปดูได้ที่ website นี้ครับ www.kropla.com/electric2.htm จะเห็นว่า ประเทศไทย ใช้ไฟ 220V และปลั๊กชนิด A หรือ C 2) ให้ดูที่หม้อแปลง หรือ แท่นชาร์จของท่าน จะมีฉลากระบุคุณสมบัติไฟฟ้าที่ใช้ได้ ให้ดูที่ Input ตัวอย่างเช่น Input : 100-240V AC แบบนี้หมายถึง หม้อแปลงตัวนี้ สามารถรับไฟเข้าตั้งแต่ 100-240V ได้เลย จึงสามารถนำไปใช้ได้ทั่วโลกโดยไม่ต้องใช้หมอแปลงแต่อย่างใด แต่หากระบุเพียง Input: 220V AC แบบนี้ ใช้กับประเทศที่ใช้ไฟประมาณ 220V หรือใกล้เคียงเท่านั้น หากประเทศที่ท่านกำลังไป ใช้ไฟ 100-120V ก็จะไม่สามารถใช้ได้ ต้องซื้อหม้อแปลงชนิด step up transformer แปลงไฟจาก 110 เป็น 220V แต่ต้องดูว่า ที่ชาร์จของเรา กินไฟกี่วัตต์ (WATT) แล้วจึงไปซื้อหม้อแปลง 110-220V ที่มีกำลังวัตต์ที่ไม่น้อยกว่าที่ชาร์จของเราต้องการด้วยนะครับ 3) ดูใน website ว่า ประเทศที่คุณกำลังไป ใช้ปลั๊กแบบไหน หากไม่ใช่แบบ A หรือ C ก็ต้องหาซื้อตัวแปลงปลั๊ก โปรดสังเกตว่า ตัวแปลงปลั๊ก ไม่ได้มีหน้าที่แปลงไฟฟ้านะครับ มันเพียงแต่แปลงปลั๊กให้เสียบกันได้เท่านั้นเอง ยกตัวอย่างเช่น สมมุติ อุปกรณ์ของคุณ ใช้ไฟ 220V เท่านั้น และเป็นปลั๊กกลมแบบ C แล้วคุณจะไปอเมริกา ที่ใช้ไฟ 110V และใช้ปลั๊กแบนเท่านั้นแบบ A คุณจะต้องหา ตัวแปลงปลั๊กจาก C ไปเสียบ A และหาหม้อแปลงไฟ step up transformer จาก 110V เป็น 220V AC ไปด้วย จึงจะใช้ได้ครับ หากคุณมีคำถามเกี่ยวกับแบตเตอรี่ในอุปกรณ์ทุกชนิด